เดวิดเป็นกษัตริย์องค์ที่สองของอาณาจักรอิสราเอล ขึ้นครองราชต่อจากองค์แรกคือซาอูล เป็นที่รักของชาวยิวทั้งหลาย
แต่เดิมเดวิดเป็นผู้มึความเชี่ยวชาญในการเล่นพิณ และได้เข้ามารับใช้กษัตริย์ซาอูลด้วยความสามารถอันนี้ แต่ภายหลังกษัตริย์ซาอูลขาดการเคารพในพระเจ้า พระเจ้าจึงปลดซาอูลและให้ซามูเอลผู้พยากรณ์เป็นตัวแทนในการเจิมและแต่งตั้งเดวิดขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
ในสมัยที่ซาอูลเป็นกษัตริย์นั้น ชาวอิสราเอลมักถูกรุกรานโดยชาวฟิลลิสเดีย
(Philistia) ที่อยู่ทางตอนใต้เสมอ
วันหนึ่งขณะที่เดวิดนำเสบียงไปส่งให้พี่ชายผู้ติดทัพอยู่ เดวิดก็ได้ข่าวว่าชาวฟิลลิสเตียมึนักต่อสู้ยักษ์ชื่อ โกไลแอธ ซึ่งได้ท้าให้ชาวอิสราเอลส่งนักสู้มารบกับตนให้รู้แพ้รู้ชนะ
เดวิดยืนยันกับพี่ชายว่ามีความสามารถจะต่อสู้กับโกไลแอธได้ กษัตริย์ซาอูลทรงส่งเดวิดไปต่อสู้อย่างไม่ค่อยเต็มใจ แต่เดวิดกลับได้รับชัยชนะโดยล้มโกไลแอธด้วยการเหวี่ยงหินก้อนเดียว พวกฟิลลิสเตียเห็นเช่นนั้นก็วิ่งหนีขวัญเสีย ชาวอิสราเอลจึงได้รับชัยชนะ
ประติมากรรมหินอ่อนเดวิดนี้ สร้างโดยมีเกลันเจโล หรือชื่อเต็มว่า มีเกลันเจโล ดี โลโดวีโก บัวนาร์โรตี ซีโมนี (Michelangelo di Lodovico Buonarroti Simoni) จากหินอ่อนก้อนมหึมาที่ถูกทิ้งไว้กลางเมืองฟลอเรนซ์เป็นเวลาหลายปี ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่มีใครกล้าพอที่จะแตะต้องมันนั่นเอง จึงกลายเป็นที่ฮือฮาของชาวเมืองจากความสำเร็จหลังจากงานชิ้นนี้ และทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วอิตาลี
มีเกลันเจโลใช้ชีวิตในบั้นปลายอยู่ในกรุงโรม ตลอด 30 ปี ช่วงนี้นั้นเองที่เขาเขียนภาพระดับโลกไว้มากมาย โดยเฉพาะ The Last Judgement (Last Judgment) ซึ่งเขาใช้เวลาในการเขียนภาพขนาดยักษ์นี้นานถึง 6 ปี